เบน ไวท์ ปราการหลังตัวเก่งของอาร์เซนอล มีชื่อเต็มว่า เบนจามิน วิลเลี่ยม ไวท์  เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 1997 ที่เมืองพูล ของประเทศอังกฤษ ในตอนแรกเกิดนั้น ไวท์ ถูกพบว่ามีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งทำให้เขาต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากที่ลืมตาออกมาดูโลก หลังจากนั้นหมอก็ได้คิดว่าเขาน่าจะกลับไปรักษาตัวที่บ้านเนื่องจากที่โรงพยาบาลนั้นเต็มไปด้วยเชื้อโรค  จากนั้น เบน ไวท์ ในวัย 7 ขวบ ก็ถูกพบว่าเขาเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ จนทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง จนต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากที่เขาผ่านพ้นโรคภัยมาได้ เขาก็เริ่มหันมาสนใจเล่นฟุตบอล

สำหรับฝีเท้าของเขาในตอนเด็กไม่ได้มีความโดดเด่นเหมือนนักเตะดังคนอื่นๆ เนื่องจาก ไวท์ ได้เข้ามาร่วมในทีมเยาวชนของสโมสรเซาแธมป์ตัน ก็ตอนที่มีอายุ 16 ปีแล้ว ในการร่วมทีมเยาวชนของเซาแธมป์ตัน ไวท์ ก็ไม่สามารถขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้เลย ทำให้เขาได้ตัดสินใจที่จะย้ายออกมาในปี 2014 เพื่อไปอยู่กับทีมเยาวชนของสโมสรไบรท์ตัน

ในปี 2016 เป็นปีที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลของเขาอย่างแท้จริง ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุ 18 ปี เขาก้าวขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของไบร์ทตันได้สำเร็จ โดยเขาเล่นในตำแหน่งกองหลัง แต่ไวท์ ก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการลงสนามมากนัก ซึ่งการลงสนามให้กับไบร์ทตันนั้นเป็นเพียงแค่ในเกมที่ไม่เป็นทางการเท่านั้น และต่อมาในปี 2017 ไวท์ ถูกปล่อยตัวไปเล่นให้กับ นิวพอร์ท เคาท์ตี้ ทีมในลีกทูของอังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล คือฤดูกาล 2017-2018 ซึ่งเขาลงสนามให้กับนิวพอร์ท เคาท์ตี้ ไปทั้งหมด 42 นัด และยิงประตูไป 1 ประตู ไมเคิล ฟินช์ ผู้จัดการทีมนิวพอร์ท เคาท์ตี้ในตอนนั้น ได้บอกว่า ในครั้งแรกที่เขาเห็นการเล่นของ ไวท์ แล้ว เขายังสงสัยว่า ไวท์ มาทำอะไรในลีกล่าง ด้วยความสามารถในระดับไวท์แล้ว เขาควรที่จะต้องอยู่ในลีกระดับสูง โดยเขายังบอกถึงจุดเด่นของ ไวท์ ว่า เขามีความรวดเร็ว ว่องไว มีการอ่านเกมที่ดี และที่สำคัญมากที่สุดคือเรื่องของทัศนคติที่ทำให้ไวท์โดดเด่นกว่านักเตะคนอื่นๆ เบน ไวท์ เคยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมให้ลีกทู ตอนที่เขาเล่นให้กับ นิวพอร์ท เคาท์ตี้ และยังเป็นนักเตะที่มีส่วนช่วยให้ นิวพอร์ท เคาท์ตี้ เข้าไปจนถึงรอบที่ 4 ในเกมฟุตบอลเอฟเอ คัพ

ในปี 2018-2019 เขาย้ายไปร่วมทีมกับ  ปีเตอร์โบโร่ ยูไนเต็ด ทีมในลีกวันของประเทศอังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัว ไวท์ ลงสนามไปทั้งหมด 15 นัด ทำไป 1 ประตู สตีฟ อีแวนส์ ผู้จัดการทีมของปีเตอร์โบโร่ ในช่วงที่ ไวท์ ได้ไปร่วมทีมก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับไวท์ว่า ไวท์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกครั้งที่เขาได้ลงสนาม เขามีความแข็งแกร่ง และทัศนคติที่ดี เขาพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

และในปี 2019 – 2020 ไปร่วมทีมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมในเดอะแชมเปี้ยนชิพของประเทศอังกฤษ และเขาลงสนามไปทั้งหมด 46 นัด ทำไป 1 ประตู  การมาร่วมทีมของ เบน ไวท์ อยู่ในยุคของ มาร์เซโล บิเอลซา ทำให้ในแนวรับของ ลีดส์ ยูไนเต็ด มีความแข็งแกร่ง เหนียวแน่นขึ้น และเขายังมีส่วนช่วยให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นไปในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของอังกฤษได้ในรอบ 16 ปี อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ ไวท์ สั่งสมประสบการณ์จากการที่เขาได้เล่นในลีกทุกระดับ และจากนักเตะที่ไม่มีใครรู้จักกลายมาเป็นนักเตะที่ทุกคนจดจำและจับตามอง

และในปี 2020 เมื่อ เบน ไวท์ หมดสัญญายืมตัวกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทางลีดส์ ยูไนเต็ด ก็พยายามที่จะเจรจาเพื่อเซ็นสัญญาแบบซื้อขาดกับทางเบน ไวท์ เลย แต่ว่าก็ถูกไบร์ทตัน ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป เนื่องจาก ไบร์ทตันมองเห็นว่าเขาจะสามารถกลับมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมต่อไปได้

ในปี 2020-2021 ไวท์ กลับมาเล่นให้กับ ไบร์ทตัน ซึ่งเป็นการลงสนามแบบจริงจังให้กับ ไบร์ทตัน เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาเข้ามาร่วมทีมในปี 2016 และเขาก็กลายมาเป็นกำลังหลักที่สำคัญให้กับไบร์ทตัน นอกจากนี้ยังเป็นการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกของเขาด้วย  โดยแกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมของไบร์ทตัน ได้พูดถึงเขาว่า เขาเป็นผู้เล่นที่มีพัฒนาการเป็นอย่างมาก การที่เขาได้เล่นในทีมที่มี บิเอลซา เป็นกุนซืออยู่มันช่วยทำให้ ไวท์ พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากนั้นในปี 2021  เบน ไวท์ ก็กลายเป็นชื่อนักเตะที่หลายสโมสรใหญ่ต้องการตัวไปร่วมทีม ไบร์ทตัน ได้รับข้อเสนอที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีมจากทีมต่างๆ มากมาย แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไปทั้งหมด โดยไบร์ทตัน ตั้งค่าตัวของเขาไว้สูงถึง 60 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาล 2020-2021 ไวท์ ลงสนามให้กับไบร์ทตันไปทั้งหมด 39 นัดในทุกรายการ และช่วยพาทีมจบอยู่ที่อันดับ 16 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 อาร์เซนอล ทีมดังในพรีเมียร์ลีก ประกาศคว้าตัว ไวท์ มาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของเหล่าแฟนบอลถึงค่าตัวที่แพงเกินไป แต่อาร์เซนอล ก็เลือกเขาเนื่องจาก ในตอนนี้ ไวท์ ยังมีอายุเพียง 23 ปี เขายังมีช่วงเวลาในการค้าแข้งอีกยาวนาน ซึ่งในช่วงแรกของการเข้ามาร่วมทีมกับอาร์เซนอลนั้น ไวท์ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีได้ เนื่องจากเขามีปัญหาในเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับทีม ไวท์ มีโอกาสได้ลงสนามเยอะ แต่ก็มีความผิดพลาดให้ได้เห็น จนกลายเป็นที่ไม่พอใจแก่แฟนบอล และยังมีผลทำให้อาร์เซนอลตกลงมาอยู่ในโซนใกล้ตกชั้น แต่เมื่อผ่านไปได้ครึ่งฤดูกาล ไวท์ ก็สามารถปรับตัวได้ ฝีเท้าของเขากลับมามีพัฒนาการอันยอดเยี่ยม และกลายมาเป็นกำลังสำคัญให้กับอาร์เซนอล เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่มีความแข็งแกร่ง เหนียวแน่น มีจุดเด่นในเรื่องลูกกลางอากาศ เขากลายมาเป็นผู้เล่นที่มีชื่ออยู่ในทีมผู้เล่นตัวจริงของอาร์เซนอลอยู่เสมอ และมีส่วนทำให้อาร์เซนอลไต่อันดับที่ตารางพรีเมียร์ลีกกลับมาลุ้นจบฤดูกาลในอันดับท็อปโฟร์ของฤดูกาล 2021-2022

นอกจากนี้ เบน ไวท์ ยังกลายเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลอาร์เซนอลไปแล้ว สำหรับผลงานในทีมชาติของเขา ไวท์ มีชื่อติดในทีมชาติอังกฤษในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2021   และในตอนนี้ปี 2022 เขาก็มีรายชื่อติดอยู่ในทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกบอลโลก 2022 ที่กาตาร์